รถมือสองยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจของใครหลายๆ คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่สภาวะเศรษฐกิจไม่ค่อยสู้ดีนักเช่นในทุกวันนี้ เนื่องจากรถมือสองมีตัวเลือกรุ่นที่หลากหลายทั้งยี่ห้อและอายุการใช้งานรวมถึงรูปแบบของรถที่มีให้เลือกแทบทุกกลุ่ม ที่สำคัญคือราคารถมือสองที่สามารถกำหนดได้ตามงบประมาณและการใช้งาน และคงจะดีกว่าถ้าเราสามารถต่อราคาลงได้อีกเพราะจะช่วยประหยัดงบประมาณเอาไว้ใช้ในเรื่องอื่นได้ ซึ่งวันนี้เรามี 5 เคล็ดลับในการต่อราคารถมือสองแบบมืออาชีพมาฝากกัน
1. บอกไปเลยว่าคุณมีงบเท่าไหร่
เทคนิคแรกที่เราขอแนะนำให้คุณนำไปใช้ในการต่อราคารถมือสอง ก็คือการบอกงบประมาณที่คุณมีอยู่และพร้อมที่จะจ่ายให้กับรถคันที่คุณสนใจ ซึ่งโดยปกติแล้วผู้ขายก็ย่อมอยากจะขายรถให้ได้ในเวลาที่รวดเร็วเพราะจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาและค่าเสื่อมของรถ ดังนั้นหากคุณบอกงบประมาณที่มีไปตรงๆ หากไม่ต่ำจนเกินไปโอกาสที่จะได้รถคันนั้นมาใช้ในงบที่มีอยู่ก็มีสูงเลยทีเดียว หรืออย่างน้อยอาจได้คำแนะนำตัวเลือกอื่นเพิ่มเติมในราคาที่ใกล้เคียงกัน และเงื่อนไขที่ยืดหยุ่นมากขึ้นเพื่อกระตุ้นให้คุณตัดสินใจเลือกรถคันนั้น เช่นผ่อนได้นานขึ้น ฟรีดาวน์ หรือการรับประกันต่างๆ เป็นต้นบอกเลยว่าเทคนิคนี้ใช้ได้ผลดีมากโดยเฉพาะกับรถที่เจ้าของขายเอง
2. รู้เขารู้เราก่อนต่อรอง
ประโยคที่ว่า “รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง” สามารถนำมาใช้ในการต่อรองราคารถมือสองได้เช่นกัน โดยคุณสามารถศึกษาข้อมูลของรถรุ่นที่คุณสนใจไม่ว่าจะเป็นปีที่ผลิต คุณสมบัติต่างๆ รวมถึงราคากลางที่ขายกันในตลาดรถมือสอง เพราะข้อมูลเหล่านี้ในปัจจุบันสามารถหาได้จาก เว็บไซต์ตัวกลางในการซื้อขายรถมือสองที่มีมากมายให้คุณได้เข้าไปสืบค้นข้อมูล พอทราบราคากลางมาแล้วสิ่งที่คุณต้องทำก็คือเทียบราคาของรถคันที่สนใจกับราคากลางว่าต่างกันมากน้อยเพียงใดและสาเหตุที่ต่างกันนั้นเพราะอะไรซึ่งผู้ขายมักจะลงรายละเอียดเบื้องต้นเอาไว้ แต่คุณต้องไม่ลืมที่จะตรวจสอบอีกครั้งเมื่อเห็นรถว่าตรงตามที่ระบุเอาไว้หรือไม่ จากนั้นค่อยมาต่อรองราคาดูว่าสามารถลดได้มากน้อยแค่ไหน ทั้งนี้ไม่ควรกดราคามากนักเพราะคุณอาจพลาดรถคันนั้นก็ได้หากเจ้าของเดิมไม่พอใจกับราคาที่ต่ำเกินไป
3. นิ่งไว้และใจเย็นๆ
ข้อนี้ต้องใช้คำพูดสมัยใหม่ว่า “เก็บทรงให้อยู่” เพราะไม่ว่าคุณจะตรวจสอบส่วนต่างๆ ของรถทั้งภายในและภายนอก งานระบบ เครื่องยนต์ รวมถึงสีสันของรถ ทดลองขับด้วยตัวเอง แล้วพอใจรถคันนั้นมากแค่ไหนก็ควรเก็บอาการเอาไว้และใจเย็นอย่าเพิ่งแสดงอาการลิงโลดดีใจ เพราะผู้ขายจะจับทางได้ว่าคุณพร้อมที่จะจ่ายค่าตัวของรถคันนั้นตามที่เขาเรียกเอาไว้ตอนแรก ทำให้เสียโอกาสในการต่อรองราคา เคล็ดลับข้อนี้บางทีใครออกตัวก่อนถือว่าแพ้ในสงครามต่อราคารถมือสองในครั้งนั้น จงนิ่งสงบและใจเย็นให้ได้มากที่สุด หรือหากจะเอ่ยปากก่อนก็ขอให้ใช้ประโยคไม้ตายต่อไปนี้คือ ก็ดีนะ...แต่ว่า เพื่อเปิดทางไปสู่การต่อราคาต่อไป
4. หาข้อติให้เจอ
ในการต่อรองราคาสิ่งหนึ่งที่ผู้ซื้อรถจำเป็นต้องมรทักษะก็คือการสังเกตและหาตำหนิของรถให้เจอไม่จุดใดก็จุดหนึ่ง ซึ่งหากเป็นรถมือสองนั้นโอกาสที่จะหาเจอบอกเลยว่าไม่ยากจนเกินไป เช่น หาจุดที่รถมีรอยบุบหรือขึ้นสนิม ดูอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ว่าผ่านมาแล้วนานแค่ไหน ดูเลขไมล์พร้อมกับบอกว่าอีกคันหนึ่งวิ่งไปน้อยกว่าคันที่คุณกำลังดูอยู่ พวงมาลัยกินไปฝั่งใดฝั่งหนึ่งมากจนเกินไป แอร์ไม่เย็นเท่าไหร่ เป็นต้น ทั้งนี้ทั้งนั้นควรพูดในสิ่งที่อยู่บนพื้นฐานความจริงด้วยไม่ใช่ติในส่วนที่ดีอยู่แล้ว ซึ่งพอเจ้าของรถเห็นว่าเราพบตำหนิก็อาจจะลดราคาลงให้อีกเพื่อใช้สำหรับการแก้ไขรถในจุดที่เราเห็นว่าต้องปรับปรุง
5. ต่อราคาไม่ได้ก็ขอของแถมไปเลย
หากคุณทำทุกอย่างตามที่ว่ามาทั้ง 4 ข้อด้านบนแล้ว ยังไม่สามารถขอลดราคาได้เนื่องจากเจ้าของรถอาจจะไม่ได้ร้อนเงินมากนักเลยยืนยันราคาเดิม รวมถึงเขาอาจจะปรับปรุงสภาพรถมาเป็นอย่างดี โดยเฉพาะกับรถบ้านที่เขาใช้งานและทะนุถนอมมาตลอด สิ่งสุดท้ายที่คุณสามารถทำได้ในกรณีที่ซื้อกับเจ้าของโดยตรงก็คือขอเงื่อนไขพิเศษบางอย่างเป็นของแถม เช่น รับประกันให้ 3 หรือ 6 เดือน หากรถมีปัญหาสามารถคืนได้ ซึ่งเจ้าของรถที่มั่นใจในสภาพรถของตัวเองย่อมตกลงได้ไม่ยากจนเกินไปนัก แต่หากเป็นการซื้อจากเต็นท์รถ ให้ลองต่อรองเรื่องเงื่อนไขการผ่อน ค่างวด หรือของแถมต่างๆ ที่ปกติทางเต็นท์ก็มักจะเตรียมเอาไว้อยู่แล้วทั้งที่บอกในตอนแรกและรอให้ลูกค้าต่อรอง
เป็นอย่างไรกันบ้างกับเคล็ดลับการต่อราคารถมือสองทั้ง 5 ข้อ ที่เรานำมาฝากกัน ลองนำไปใช้กันดูบางทีอาจช่วยให้คุณได้รถมือสองที่ราคาถูกลงกว่าที่ตั้งเอาไว้ในตอนแรก จำไว้ว่าการซื้อขายทุกอย่างนั้นสามารถต่อรองกันได้เพียงแต่เราจะใช้ประเด็นไหนมาเป็นข้อต่อรองเท่านั้นเอง
