ตั้งราคารถมือสองอย่างไรให้ขายออกได้รวดเร็วและได้ราคาที่ถูกใจ

ตั้งราคารถมือสองอย่างไรให้ขายออกได้รวดเร็วและได้ราคาที่ถูกใจ

เมื่อตัดสินใจขายรถมือสองไม่ว่าจะเป็นเหตุผลใดก็ตาม อาจจะเป็นการขายเพื่อนำเงินมาซื้อคันใหม่ ขายเพราะไม่ค่อยได้ใช้ หรืออาจจะขายเพราะต้องนำเงินมาหมุนเพื่อการใช้จ่าย สิ่งที่สำคัญที่สุดในการขายรถมือสองก็คือการตั้งราคารถมือสองนั่นเอง วันนี้เราก็มีเทคนิคดี ๆ เพื่อให้คุณสามารถตั้งราคารถมือสองให้สามารถขายออกได้อย่างรวดเร็วทันใจมาฝากกัน

 

ตั้งราคารถมือสองอย่างไรดี ?
        การตั้งราคารถมือสองนั้นหลัก ๆ แล้วก็จะขึ้นอยู่กับสภาพของรถและสถานที่ขายรถ อย่างเช่น ถ้านำไปขายที่เต็นท์รถ ข้อดีก็คือสามารถขายได้เลยแต่ก็อาจจะถูกกดราคา หรือถ้าเป็นการฝากเต้นรถขายก็จะต้องโดนหักค่าวางขายจากเต็นท์รถด้วย ดังนั้นถ้าหากเป็นการขายรถแบบฝากขายให้กับเต็นท์รถก็ควรที่จะตั้งราคารถมือสองให้สูงกว่าปกติเพื่อเผื่อค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ให้เป็นเปอร์เซ็นหรือราคาที่เต็นท์รถหักออกจากค่าวางขายด้วยนั่นเอง 

แต่ถ้าหากเป็นการโพสต์ขายตามช่องทางออนไลน์ด้วยตนเองหรือผ่านเว็บไซต์ขายรถมือสอง คุณสามารถตั้งราคาสำหรับรถมือสองของคุณได้โดยตรงแบบไม่ต้องผ่านเต็นท์รถ และสามารถนัดหมายเพื่อทำการซื้อขายกับผู้ซื้อหรือผู้ที่สนใจรถของเราได้ด้วยตนเอง โดยเราก็จะต้องหาข้อมูลกันก่อนเพื่อที่จะกำหนดราคารถมือสองให้ถูกต้องเหมาะสม ซึ่งในการตั้งราคารถมือสองก็ควรที่จะพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้  

 

  1. ลองตั้งราคารถมือสองด้วยตนเองก่อน

แน่นอนว่าใคร ๆ ก็อยากขายรถมือสองให้ได้ราคาอย่างที่ตั้งใจไว้ ดังนั้นการตั้งราคารถมือสองเริ่มแรกเลยก็คือให้เราลองกำหนดราคารถมือสองด้วยตนเองก่อน แน่นอนว่าราคาที่ตั้งไว้ก็จะต้องถูกลงมาจากราคามือหนึ่งค่อนข้างมากพอสมควรตามปีที่ใช้งานและสภาพรถ ซึ่งก็อาจจะลองคำนวณดูง่าย ๆ โดยเอาราคามือหนึ่งที่ซื้อมาเป็นตัวตั้ง ซึ่งหากเป็นรถใหม่ใช้งานเพียงแค่ปีสองปีก็ให้หักค่าเสื่อมสภาพประมาณ 25% ได้เท่าไหร่ก็นำมาบวกภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 7% และเมื่อบวกภาษีเสร็จแล้วก็ให้บวกเพิ่มไปอีก 10% สำหรับการต่อรองราคา ก็จะได้ราคารถมือสองในเบื้องต้นออกมา  

 

 

  1. ราคากลางของรถมือสองรุ่นที่จะขายในท้องตลาด

เมื่อลองตั้งราคารถมือสองด้วยตนเองดูแล้วว่าได้ประมาณเท่าไหร่ ก็ให้ลองหาข้อมูลดูว่ารถรุ่นที่เราต้องการจะขายนั้นเป็นรถรุ่นอะไร ออกปีไหน จากนั้นก็นำข้อมูลของรุ่นและปีที่ซื้อรถไปทำการค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตว่ามีราคารถมือสองอยู่ในช่วงราคาไหน จากนั้นก็ลองเข้าไปดูข้อมูลของรถรุ่นเดียวกับเราที่ทำการวางขายว่ารุ่นไหนที่ดูใกล้เคียงกับของเรามากที่สุด และมีการตั้งราคารถมือสองอยู่ที่เท่าไหร่ ก็ให้จดราคากลางในท้องตลาดเก็บเอาไว้ก่อน จากนั้นก็ทำการเช็คซ้ำด้วยการส่งข้อมูลให้กับเว็บไซต์ที่รับประเมินราคารถมือสองหรือเต็นท์รถ แล้วรวบรวมราคาที่ได้มาหาช่วงราคาที่เหมาะสมอีกครั้งหนึ่ง ก็จะได้ราคาที่เหมาะสมสำหรับรถที่เราต้องการขายมากที่สุด 

 

  1. ตรวจสอบประวัติการใช้รถ

ควรตรวจสอบประวัติการใช้รถให้ละเอียดเพื่อเป็นข้อมูลที่ช่วยดึงดูดและแสดงความโปร่งใสในการตั้งราคารถมือสองของเราให้กับผู้ที่สนใจ โดยแนะนำให้ติดต่อตัวแทนประกันรถยนต์ที่ทำเอาไว้เพื่อเช็คประวัติและรายละเอียดของอุบัติเหตุต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น การซ่อมแซมหรือเปลี่ยนอะไหล่ในระหว่างที่เราได้ใช้รถ รวมไปถึงตัวเลขไมล์บนหน้าปัดว่าใช้วิ่งเป็นระยะทางเท่าไหร่ เพราะนอกจากจะเป็นการแสดงความจริงใจในการขายแล้วก็ยังเป็นตัวช่วยในการตั้งค่าความเสื่อมสภาพของรถให้เหมาะสมนั่นเอง  

 

  1. ตรวจสอบสถานะค่าใช้จ่ายของรถ

ถ้าหากรถมือสองคันที่คุณจะขายผ่อนหมดเรียบร้อยหรือเป็นรถของคุณเองโดยที่ไม่ติดไฟแนนซ์ ก็สามารถตั้งราคารถมือสองแล้วทำการซื้อขายได้เลย แต่ถ้าหากว่าเป็นรถที่ยังติดไฟแนนซ์และมีการผ่อนงวดชำระอยู่ ตรงนี้ก็จะมีในเรื่องของข้อกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเพราะรถยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของไฟแนนซ์อยู่ ดังนั้นการขายรถมือสองที่ติดไฟแนนซ์ก็แนะนำให้ขายดาวน์ ซึ่งก็จะแบ่งได้เป็น 2 แบบก็คือ

  • ขายดาวน์โดยใช้เงินของผู้ที่จะมาซื้อไปปิดไฟแนนซ์ โดยดูว่ารถยังติดไฟแนนซ์อยู่ที่เท่าไหร่ แล้วตกลงราคารถมือสองกับผู้ซื้อให้เรียบร้อย อย่างเช่น ยอดปิดไฟแนนซ์ยังเหลืออีก 500,000  แล้วทำการตกลงซื้อขายให้กับผู้ซื้อในราคา 600,000 บาท เราก็จะได้เงินดาวน์คืนมา 100,000 บาทนั่นเอง จากนั้นก็ให้เราแจ้งไฟแนนซ์เพื่อให้โอนรถเป็นชื่อของผู้ที่มาซื้อรถของเราได้เลย ไฟแนนซ์บางที่อาจจะโอนรถให้เป็นกรรมสิทธิ์ของเราก่อนจากนั้นเราก็ต้องทำการโอนรถจากชื่อเราให้เป็นชื่อของผู้ที่ซื้อต่ออีกที ซึ่งตรงนี้ก็ต้องสอบถามรายละเอียดกับทางไฟแนนซ์ให้เรียบร้อยว่าจะต้องทำอย่างไร แต่ทั้งนี้ผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องทำการนัดหมายเพื่อเข้าไปติดต่อไฟแนนซ์พร้อมกันด้วยเพราะจะต้องเก็บสำเนาใบเสร็จการปิดบัญชีและสัญญาซื้อขายต่าง ๆ เอาไว้เป็นหลักฐานทั้งคู่
  • ขายดาวน์โดยที่ให้ผู้ซื้อทำการผ่อนไฟแนนซ์ต่อในสัญญาเงินกู้เดิม ตอนนี้ก็เรียกว่าเป็นการซื้อขายโดยการเปลี่ยนสัญญา ซึ่งก็ต้องทำตามรายละเอียดขั้นตอนและระเบียบของทางไฟแนนซ์ว่าต้องทำแบบไหนใช้เอกสารอะไรบ้าง ซึ่งถ้าหากไฟแนนซ์อนุมัติว่าเปลี่ยนสัญญาได้ต้องให้ทั้งตัวเราและผู้ซื้อนัดหมายเพื่อไปติดต่อไฟแนนซ์ด้วยกัน แล้วค่อยรับเงินดาวน์ตามที่ตกลงกันไว้กับผู้ซื้อแล้วก็มอบรถให้กับผู้ซื้อได้

 

  1. การติดตั้งอุปกรณ์หรือปรับแต่งตัวรถเพิ่มเติม

ในจุดนี้ต้องดูว่าเราได้ทำการปรับแต่งเหลือติดตั้งอุปกรณ์อะไรเข้าไปเพิ่มเติมจากอุปกรณ์มาตรฐานที่มากับรถเดิม ๆ ตอนที่ซื้อมาหรือไม่ แต่อันที่จริงแนะนำว่าถ้าหากมีการแต่งรถหรือติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมให้ทำการถอดออกมาเพื่อขายแยกต่างหากหรือนำไปติดตั้งกับรถคันใหม่รถคันอื่นที่เรามีจะดีกว่าแต่ก็อาจจะใช้ตรงนี้เป็นจุดขายเพื่อให้สามารถตั้งราคารถมือสองได้สูงขึ้น หรืออาจจะให้เป็นของแถมเพื่อดึงดูดให้รถมือสองของคุณมีความน่าสนใจและขายออกได้เร็วขึ้น 

 

  1. ทำการตรวจเช็ครถตามคู่มือประกอบรถ

ตรงนี้เราควรตรวจสอบจุดต่าง ๆ ให้มั่นใจว่าสภาพรถที่เราต้องการจะขายนั้นอยู่ในสภาพดีเหมือนใหม่มากที่สุด โดยให้ตรวจเช็คกับคู่มือประกอบรถแล้วดูว่าส่วนไหนที่ต้องซ่อมแซม ส่วนไหนที่ต้องเปลี่ยน ตรงส่วนไหนเทพเมื่อลูกค้าซื้อไปแล้วจะต้องทำการซ่อมแซมเอง เพราะตรงนี้เป็นค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในการซ่อมแซมรถก่อนขาย รวมไปถึงเป็นจุดที่ลูกค้าอาจใช้ต่อรองเพื่อลดราคารถมือสองลงมาอีกได้ ดังนั้นจึงควรคำนวณราคาแล้วนำมาหักลบจากราคาขายให้ดีเพื่อที่จะได้ไม่เข้าเนื้อ  

 

การตั้งราคารถมือสองนอกเหนือจากจะต้องตั้งราคาให้สมเหตุสมผลกับรถคันที่คุณต้องการจะขายแล้ว ในส่วนของรายละเอียดต่าง ๆ ก็ควรที่จะแจ้งให้กับผู้ซื้อได้ทราบเพื่อเป็นการแสดงความจริงใจในการซื้อขาย นอกจากนี้สิ่งที่สำคัญก็คือควรทำการซื้อขายให้ถูกต้องตามข้อกฎหมายเพื่อที่จะได้ไม่เกิดปัญหาขึ้นมาในภายหลังนั่นเอง

มีนาคม 1 2024 By Admin ราคารถมือสอง       

บทความอื่นที่น่าสนใจ